ออกแบบระบบท่อระบายความร้อน Data centers ด้วยของเหลว
- ปรเมธ ประเสริฐยิ่ง
- May 9
- 2 min read
Data centers เป็นธุรกิจบริการทางเทคโนโลยีที่มีความสำคัญ แต่มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และถูกบังคับให้ใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีผลต่สภาพแวดล้อม ทำให้ผู้ให้บริการต้องย้ายสถานที่ตั้งมาใช้ระบบสาธารณูปโภคและพลังงานทดแทน มีความมั่นคงด้านพลังงานและมีราคาถูกกว่า ประเทศไทยจึงมีโอกาสที่จะมีธุรกิจนี้เกิดขึ้นในไม่ช้า
ระบบระบายความร้อนสำหรับอุปกรณ์หลัก (ITE, information technology equipment) ซึ่งรวมกันอยู่ในชั้นrack เป็นระบบมี่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นในการทำงานของ Data centers สำหรับ Data centers ขนาดใหญ่จะมีการใช้ไฟฟ้าสำหรับแต่ละชั้นrackสูงมาก จึงจำเป็นต้องใช้ของเหลวสำหรับการระบายความร้อนให้แก่อุปกรณ์หลักITEโดยตรง บทความนี้อธิบายแนวทางการออกแบบและเหตุผลของระบบท่อระบายความร้อนด้วยของหลวแบบย่อเพื่อความเข้าใจโดยถอดความจากเอกสารอ้างอิง 1. เมื่อจะออกแบบในรายละเอียดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเอกสารอ้างอิง 2. ท้ายบทความ
ระบบระบายดวามร้อนอุปกรณ์ Data centers
ระบบระบายความร้อนแบ่งตามปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ของอุปกรณ์ตามตารางที่ 1. ระบบขนาดเล็ก(S) ดึงลมเย็นในห้องผ่าน rack เพื่อระบายความร้อนตามรูปที่ 1. Data centerขนาดกลาง(M) ใช้เครื่องทำความเย็นวางอยู่ในแถวเดียวกันระหว่างตู้ rack เพื่อระบายความร้อนตามรูปที่ 2. และData center ขนาดใหญ่ (L) ใช้ของเหลวระบายความร้อนจากอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยตรง โดยใช้ CDUs (coolant distribution units) เพื่อส่งของเหลวควบคุมอุณหภูมิและป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ร้อนเกินไปและใช้น้ำเย็นระบายความร้อนจากของเหลวอีกวงจรหนึ่ง
ตารางที่ 1. ระบบระบายความร้อนของอุปกรณ์ในชั้น rack ตามขนาดของ data center

การระบายความร้อนแบบ in-rack และ in-row ใช้อากาศเป็นตัวกลางระบายความร้อน เมื่อมีความร้อนมากขึ้นจึงต้องการอัตราการไหลของอากาศมากขึ้นและอุณหภูมิอากาศเข้าต่ำลงจนถึงขีดจำกัดในเรื่องความเร็วลม อุณหภูมิที่ทำให้ความชื้นในอากาศกลั่นตัว และพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในพัดลม เมื่อความร้อนอยู่ในขีดจำกัดจึงต้องใช้ของเหลวระบายความร้อนจากอุปกรณ์โดยตรงแทนซึ่งมีขีดจำกัดในลักษณะเดียวกันคืออัตราการไหลของของเหลว และอุณหภูมิต่ำสุดที่ไม่ทำให้ของเหลวแข็งตัว
การระบายความร้อนจากอุปกรณ์ใช้ของเหลวไหลผ่านแผ่นเย็น(แผ่นระบายความร้อน)ซึ่งติดแนบอยู่กับอุปกรณ์ที่ต้องการระบายความร้อนภายใน rack ตามรูปที่ 3.(ซ้าย) CDUประกอบด้วยอุปกรณ์ซึ่งรวมเรียกว่า thermal control system (TCS) ได้แก่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน เครื่องสูบน้ำ มานิโฟลกระจายของเหลวไปที่ชั้นrack ระบบท่อกระจายของเหลวไปที่แผ่นเย็น ท่อกลับ ระบบควบคุมการกระจายของเหลวและควบคุมน้ำเย็นซึ่งใช้ระบายความร้อน (FWS, fluid working system) ในรูปที่ 3.(ขวา) CDUติดตั้งอยู่ส่วนล่างสุดของตู้rack รูปที่ 4.แสดงผังการติดตั้งซึ่งอาจติดตั้งCDUภายนอกตู้ rack หรือวางในตู้rack และน้ำเย็นที่ใช้ระบายความร้อนให้ CDU สามารถใช้เครื่องทำน้ำเย็นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศหรือระบายความร้อนด้วยน้ำซึ่งต้องมีหอผึ่งน้ำตามความเหมาะสม ถ้าของเหลว TCS ต่ำกว่าศูนย์ น้ำเย็นก็จะต้องเปลี่ยนเป็นสารละลายที่มีจุดแข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่า
รูปที่ 1. การระบายความร้อนแบบ in-rack

รูปที่ 2. ระบายความร้อนด้วยเครื่องแบบ in-row

รูปที่ 3. ระบายความร้อนโดยตรงด้วยของเหลว in rack liquid cooling (https://www.boydcorp.com/thermal/liquid-cooling-systems.html)

รูปที่ 4. แผนผังการติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (จาก Dynaten)

เพื่อให้ CDU สามารถปรับการทำงานตามการเปลี่ยนแปลงความร้อนจากอุปกรณ์ ITE และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำเย็น(FWS) CDUจึงมีอุปกรณ์ซับซ้อนได้แก่ ท่อบายพาส วาวล์ปรับอัตราการไหลอัตโนมัติ (proportional control valves) และปั๊มปรับอัตราการไหลอัตโนมัติ(variable speed pumps)
อุณหภูมิของเหลวTCS ที่จ่ายจะถูกCDUควบคุมให้มีค่าสูงสุดที่อัตราการไหลค่าหนึ่งซึ่งเพียงพอสำหรับการระบายความร้อนให้อุปกรณ์ แต่ถ้าอุณหภูมิของเหลวสูงขึ้นอัตราการไหลจะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยไม่ให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป และอุณหภูมิต่ำสุดจะต้องไม่ทำให้เกิดหยดน้ำกลั่นตัวภายในและรอบๆ rack ระบบควบคุมของ CDU จะตรวจวัดและควบคุมของเหลวTCS ให้มีอุณหภูมิสูงกว่าจุดน้ำค้างของห้องอย่างน้อย 2°C เพื่อไม่ให้เกิดการกลั่นตัว
อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนใน CDU เป็นแบบ plate and frame heat exchanger มีขนาดใหญ่พอที่จะใช้ระบายความร้อนเมื่ออุณหภูมิน้ำเย็นFWSสูงสุดและสามารถทำให้ของเหลวTCSมีอุณหภูมิต่ำสุดได้ ทำให้ขณะที่อุณหภูมิปกติอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนมีประสิทธิภาพการระบายความร้อน ความร้อนที่จะระบายจากอุปกรณ์จะต้องเผื่อสำหรับเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสภาวะวิกฤติที่ทำให้เกิดความร้อนสูงสุด และตัองมีที่กรองทั้งด้านน้ำเย็นFWS และด้านของเหลว TCS เพื่อป้องกันการอุดตันเพราะช่องระหว่างแผ่นของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนมีขนาดเล็ก
องค์ประกอบสำหรับการออกแบบ
Data centers ต้องมีสมรรถนะและมีความเชื่อมั่น สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ระบบประกอบต่างๆจึงต้องทำงานเพื่อเสริมการทำงานของอุปกรณ์หลักได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ วิศวกรผู้ออกแบบ ผู้รับเหมาติดตั้ง และผู้บริหารโครงการต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆของระบบประกอบการทำงานของอุปกรณ์หลักดังต่อไปนี้
การทดแทน(Redundancy) : การทดแทนโดยหลักคืออุปกรณ์ ITE และอุปกรณ์หลักของระบบระบายความร้อน FWS ซึ่งมีอุปกรณ์ที่สำคัญได้แก่ ปั๊ม เครื่องทำน้ำเย็น การทดแทนอุปกรณหลัก FWS ทำให้การทำงานของระบบระบายความร้อนมีประสิทธิภาพและมีความเชื่อมั่นแม้จะมีอุปกรณ์เสียหาย นอกจากนี้ยังทำให้สามารถบำรุงรักษาอุปกรณ์ของระบบระบายความร้อนได้โดยไม่กระทบต่อการทำงาน ส่วนระบบระบายความร้อน TCS มีการทดแทนตามอุปกรณ์หลัก ITE อยู่แล้ว
ของเหลวสำหรับTCS : การเลือกของเหลวระบายความร้อนจะต้องสอดคล้องกับคำแนะนำของผู้ผลิตระบบระบายความร้อนและผู้ผลิตอุปกรณ์ ITE ซึ่งของเหลวจะต้องเสถียร มีคุณสมบัติด้านความร้อนและการไหลที่ดีทำให้สามารถควบคุมอัตราการไหล ความดันตามภาระความร้อนที่ใช้ระบายที่ต้องการ มีความปลอดภัยในการใช้งานและการบำรุงรักษา สามารถใช้ในระบบได้โดยไม่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของระบบ และมีต้นทุนที่เหมาะสม
เพื่อความปลอดภัยในการบำรุงรักษาได้แก่การทำความสะอาดท่อ มานิโฟล และอุปกรณ์ ของเหลวจึงต้องไม่เป็นพิษ ไม่ติดไฟ ไม่มีผลต่อสภาพแวดล้อม และเพื่ออายุการใช้งานของระบบระบายความร้อนจะต้องคำนึงถึงค่าการนำไฟฟ้า ค่าความเป็นกรดด่าง ความตึงผิว การเกิดเชื้อแบคทีเรียและตะไคร่ การผุกร่อน และการใช้สารป้องกันการผุกร่อน หลังจากที่เลือกของเหลวสำหรับTCSแล้วควรจัดการทดสอบระบบขนาดเล็กโดยใช้ของเหลวที่เลือกเพื่อความมั่นใจในการทำงานของของเหลวในสถานที่ติดตั้ง
ความเร็วของของเหลว : เพื่อลดการสึกกร่อนของท่อจากการไหลของของเหลวควรออกแบบความเร็วของเหลวในท่อไว้ไม่เกิน 2.1 เมตร/วินาที สำหรับท่อขนาดใหญ่กว่า 3 นิ้ว ตามเอกสารอ้างอิง 2.
ของเหลวสำหรับ TCS
ของเหลวระบายความร้อนจะต้องสอดคล้องกับคำแนะนำของผู้ผลิตระบบระบายความร้อนและผู้ผลิตอุปกรณ์เนื่องจากของเหลวนี้ต้องใช้กับวัสดุอุปกรณ์ของระบายความร้อน ในกรณีที่ใช้น้ำเป็นของเหลวสำหรับการระบายความร้อน เอกสารอ้างอิง 2.แนะนำเรื่องคุณภาพน้ำไว้ตามตารางที่ 2. เพื่อสมรรถนะและอายุการใช้งานของระบบระบายความร้อน
ตารางที่ 2. สรุปคุณภาพน้ำสำหรับระบบระบายความร้อนจากข้อแนะนำของ ASHRAE TC 9.9

ผู้ออกแบบควรศึกษาวิเคราะห์อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับระบบระบายความร้อนอุปกรณ์ ITEและระบบน้ำเย็น FWS และควรทบทวนข้อมูลในตารางที่ 2. ให้เหมาะสมกับของเหลวที่เลือกใช้และวัสดุอุปกรณ์ในระบบระบายความร้อนทุกครั้ง ช่วงการติดตั้งจะต้องปรับคุณภาพน้ำที่ใช้เติมในระบบ และขณะใช้งานถึงจะเป็นระบบหมุนเวียนก็จะมีการสูญเสียน้ำจากการระบายสิ่งสกปรกและการเติมเพื่อทดแทน สถานที่ตั้งต่างๆมีคุณภาพน้ำต่างกันจึงต้องมีระบบปรับคุณภาพน้ำเติมและต้องมีอุปกรณ์ที่สำคัญคืออุปกรณ์การกรองเพื่อจับสิ่งแขวนลอยที่อยู่ในระบบไม่ให้หมุนเวียนในระบบซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันหรือการสึกกร่อน
น้ำในอากาศจะมีอากาศละลายอยู่และละลายได้ดีเมื่ออุณหภูมิต่ำ อากาศนี้อาจทำให้เกิดสนิมและการผุกร่อน และเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้อากาศแยกตัวทำสะสมให้การไหลในระบบท่อไม่สดวก ความดันสูงขึ้นและอัตราการไหลลดลง จึงควรติดตั้งมวาวล์สำหรับการระบายอากาศไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ของเหลวเข้า CDU จะใช้ที่กรองซึ่งมีตะแกรงขนาดรู ≤50 µm. เพื่อกรองสิ่งแขวนลอยในของเหลวแต่ถ้ามีสิ่งแขวนลอยมากอาจทำให้ที่กรองตัน ทำให้ปั๊มเสียหายหรือทำให้อัตราการไหลลดลง ของเหลวที่ใช้เดิมวงจรท่อ TCS จึงต้องมีคุณภาพสูงกว่าในระบบน้ำเย็น FWS
การออกแบบเพื่อควบคุมการผุกร่อน
การควบคุมการผุกร่อนในระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งาน การผุกร่อนจาก galvanic corrosion เนื่องจากศักย์ของโลหะที่สัมผัสของเหลวมีค่าต่างกัน โลหะที่มีศักย์น้อยกว่าจะหลุดมาในของเหลวและเกิดการผุกร่อน ASHRAE White Paper ตามเอกสารอ้างอิง 2. แนะนำไม่ให้ใช้อุปกรณ์โลหะที่มีส่วนผสมสังกะสีเกิน 15% หลีกเลี่ยงการใช้อลูมิเนียม และควรใช้เหล็กไร้สนิม (ศึกษาเพิ่มเติมได้จากตารางที่ 2 ของเอกสารอ้างอิง 2.)
ในกรณีที่ต้องการให้อุณหภูมิของเหลวต่ำกว่าศูนย์ (ต้องป้องกันความเสียหายเนื่องจากเกิดน้ำกลั่นตัว) สามารถใช้สารละลาย propylene glycol เนื่องจากไม่มีพิษ ไม่ทำให้เกิดการผุกร่อน และดีต่อสภาพแวดล้อม ความเข้มข้นที่นิยมใช้คือ 25% เมื่อผสมกับ deionized water
การออกแบบเพื่อป้องกันการรั่วไหล
การรั่วไหลของของเหลว TCS จะทำให้เกิดการเสียหายร้ายแรงแก่อุปกรณ์ ITE และการทำงานของ data center การออกแบบจึงต้องแยกท่อของเหลวระบายความร้อนออกจากระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้ากำลังหรือสายไฟ แต่ละชั้น rack ต้องมีวาวล์ปิดของเหลวสำหรับปิดการทำงานของแต่ละชั้น rack ในกรณีเกิดการรั่วและเพื่อการบำรุงรักษา
เมื่อเกิดปัญหาการทำงานของชั้น rack หนึ่ง จะต้องสามารถปิดแยกชั้น rack นั้นออกได้โดยไม่กระทบการทำงานของชั้น rack อื่น และท่อที่ต่อจากท่อมานิโฟล์มาที่แผ่นระบายความร้อนของอุปกรณ์ ITE จะต้องเป็นแบบ dripless quick disconnects เพื่อป้องกันความเสียหาpระหว่างการบำรุงรักษา และมีกลไกที่เรียกว่า dry-break connectors ที่ปิดเพื่อป้องกันของเหลวกระเด็นสูงสุดไม่เกิน 1 ลบ.ซม.
เมื่อใช้ท่ออ่อนจะต้องมีที่รัดท่อแบบหนีบหรือสายรัดซึ่งทำให้ความดันตกจากการใช้ท่ออ่อนน้อยที่สุด ข้อดีของท่ออ่อนคือมีราคาถูก ใช้ง่าย บำรุงรักษาง่าย โดยเฉพาะเมื่อใช้กับแผ่นระบายความร้อนหลายชุด เมื่อใช้ท่อแข็งควรต่อด้วยเกลียว และถ้าเป็นเกลียวเทเปอร์จะต้องมีน้ำยาซีลเพื่อป้องกันการรั่วซึม
เมื่อข้อต่ออยู่ใกล้อุปกรณ์ ITE จะต้องคำนึงถึงการสั่นสะเทือน การติดตั้งข้อต่อต้องทำตามข้อกำหนดของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด การขันข้อต่อต้องใช้แรงบิดตามที่กำหนดเพื่อป้องกันการคลายตัวและเพื่ออายุการใช้งานของข้อต่อ
การตรวจสอบการทำงานของระบบระบายความร้อน
ติดตั้งอุปกรณ์การตรวจวัดสภาพแวดล้อมของระบบ TCS ได้แก่อัตราการไหล ตรวจสอบการรั่วซึม ความชื้น การกลั่นตัว อุณหภูมิของเหลวที่ส่งให้แผ่นเย็นของอุปกรณ์ ITE การตรวจสอบการทำงานนี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทีมงานสามารถวางแผนการบำรุงรักษาระบบระบายความร้อน กำหนดการหยุดการทำงานของชั้นrack รวมถึงการหยุดฉุกเฉินเพื่อซ่อมแซมเฉพาะจุดได้
เมื่อข้อมูลมีจำนวนมาก อุปกรณ์ITEทำงานหนัก ความร้อนที่ต้องระบายจะสูงขึ้น การตอบสนองของระบบระบายความร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระบบระบายความร้อนจึงต้องมีระบบควบคุมฝังตัวเพื่อความยืดหยุ่นและมีโปรแกรมซึ่งสามารถรับรู้การเปรี่ยนแปลงของชุดข้อมูลเพื่อปรับการระบายความร้อนเพื่อป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ ITE และประสิทธิภาพพลังงานของระบบระบายความร้อน
ระบบตรวจสอบการรั่วซึม (Leak detection systems) ติดตั้งที่ตำแหน่งของอุปกรณ์และจุดที่มีความสำคัญตามแนวท่อ และส่งข้อมูลเพื่อเตือนเมื่อความดันของเหลวลดลงซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรั่วซึมที่ตำแหน่งที่ติดตั้ง และสามารถระบุตำแหน่งที่เกิดการรั่วซึมได้
การออกแบบเพื่อความเชื่อมั่นของ Data centers
ระบบระบายความร้อนเป็นระบบที่สำคัญซึ่งต้องทำงานได้ต่อเนื่อง ระบายความร้อนได้เพียงพอกับความร้อนและต้องให้ความเชื่อมั่นเป็นตัวประกอบสำคัญ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย ความเชื่อมั่นพิจารณาจากระยะเวลาเฉลี่ยระหว่างการเกิดความเสียหาย MTTF (mean time to failure). MTTF คือระยะเวลาที่อุปกรณ์ทำงานในช่วงเวลาหนึ่ง/ปริมาณที่เกิดความเสียหายของอุปกรณ์สามารถคำนวณได้โดยใช้สมการต่อไปนี้.
MTTF = ∑ (เวลาที่หยุดการทำงาน - เวลาที่เริ่มทำงาน)/จำนวนความเสียหาย
การใช้ของเหลวระบายความร้อนเริ่มต้นใช้ในปี ค.ศ.1960 แต่ยังมีการวิจัยและพัฒนาเรื่องวัสดุ อุปกรณ์และระบบการทำงานอย่างต่อเนื่องเนื่องจากระบบไอทีมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วทำให้ระบบระบายความร้อนต้องปรับตัวตามอย่างรวดเร็ว การใช้งานในหลายกรณีจึงไม่มีการวิจัยอ้างอิง และทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ การใช้ของเหลวระบายความร้อนจึงมีความเสี่ยงที่ผู้เกี่ยวข้องทุกส่วนเข้าใจและยินดีใช้ การออกแบบระบบและอุปกรณ์ที่ใช้อย่างน้อยควรมีผลงานที่ผ่านมาใช้แล้วประสบความสำเร็จอ้างอิงได้
การออกแบบระบบท่อ FWS
ระบบท่อ FWS มีลักษณะเดียวกันกับระบบน้ำเย็นงานอาคารทั่วไป ซึ่งระบบท่อน้ำเย็นนี้ให้ความเชื่อมั่นสูงมากเนื่องจากใช้ในงานระบบท่อน้ำเย็นมานานนับ 100ปี โดยมีความเสียหายของระบบท่อน้อยมาก และด้านวัสดุที่ใช้ตรงตาม ASHRAE White Paper ตามเอกสารอ้างอิง 2. และเมื่อควบคุมคุณภาพน้ำตามข้อแนะนำในตารางที่ 2. ก็จะไม่เกิดความเสียหายเนื่องจากการผุกร่อน จึงไม่จำเป็นต้องมีระบบท่อทดแทนเพื่อความเชื่อมั่น
การออกแบบระบบท่อ FWS ตามรูปที่ 5. เหมือนกับงานปรับอากาศระบบน้ำเย็น อุปกรณ์หน้า CDU ประกอนด้วยวาวล์ปิด-เปิดเพื่อการซ่อมแซมบำรุงรักษา ที่ดักผง วาวล์ควบคุม(Autoflow control valve) ซึ่งปรับอัตราการไหลของน้ำเย็น FWS เพื่อควบคุมอุณหภูมิของเหลว TCS ที่ออกจาก CDU ให้คงที่โดยไม่ให้อัตราการไหลมากเกินค่าสูงสุดเพื่อการประหยัดพลังงาน ขนาดท่อจึงใช้อัตราการไหลสูงสุดเพื่อควบคุมภาระความร้อนสูงสุดได้
สิ่งที่แตกต่างไปจากระบบน้ำเย็นปรับอากาศคือการใช้วาวล์ควบคุมลัด FWS ที่ท่อกิ่งตามรูปที่ 5. เนึ่องจากการเปลี่ยนแปลงของชุดข้อมูลทำให้ความร้อนที่ต้องระบายจากอุปกรณ์ITEเปลี่ยนแปลง อัตราการไหลของน้ำเย็น FWSจะต้องรวดเร็วพอที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงความร้อนได้ เช่นเดียวกับอัตราการไหลของ TCS มี่ควบคุมโดยระบบควบคุมของผู้ผลิต CDU เมื่อCDUชุดหนึ่งต้องการอัตราการไหลเพิ่มขึ้น จะทำให้อัตราการไหลของCDUชุดอื่นน้อยลง เพื่อให้ระบบมีอัตราการไหลสำรองไว้รองรับจึงให้มีการไหลลัดผ่านวาวล์ควบคุมชุดนี้ เมื่อต้องการอัตราการไหลเพิ่มขึ้นวาวล์ควบคุมจะลดการลัดอัตราการไหลทำให้มีอัตราการไหลเพิ่มขึ้นทันโดยไม่กระทบกับCDUชุดอื่น จากนั้นระบบควบคุมของชุดเครื่องทำน้ำเย็นจะปรับตามเพื่อการประหยัดพลังงาน
รูปที่ 5. แสดงไดอะแกรมการติดตั้งท่อน้ำเย็น FWS กระจายไปยัง CDUs ซึ่งติดตั้งอยู่ในตู้ rack การติดตั้งวัสดุท่อและข้อต่อสำหรับ CDUควรทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตCDU (จาก Dynaten)

บทส่งท้าย
การออกแบบระบบท่อน้ำระบายความร้อนด้วยของเหลวนี้ไม่มีวิธีการตายตัว การออกแบบจึงต้องมีการประสานงานระหว่างผู้ออกแบบ เจ้าของโครงการ ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบITE ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบายความร้อนด้วยของเหลวTCS และผู้ผลิตอุปกรณ์หลักของระบบFWS และเพื่อให้ติดตั้งได้ถูกต้อง ผู้ควบคุมงานก่อสร้างควรมีทีมงานซึ่งต้องมีผู้ออกแบบร่วมในการควบคุมงานให้ถูกต้องตามด้านเทคนิก จะต้องมีการตรวสอบและทดสอบผลงานการติดตั้งระบบ ซึ่งจะทำให้การทำงานของ Data centers เป็นไปตามวัตถุประสงค์
เอกสารอ้างอิง
1. “How to design piping systems for data centers that require liquid cooling”, ARDAS SABUNCUYAN, PE, Director of Engineering at Dynaten, APRIL 8, 2025.
2. “Water-Cooled Servers Common Designs, Components, and Processes”, White Paper Developed by ASHRAE Technical Committee 9.9, 2019
Comments